336/68 (IT) ประจำวันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน 2568
เหตุการณ์สายเคเบิลอินเทอร์เน็ตใต้น้ำบริเวณทะเลแดงถูกตัดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตในหลายประเทศลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง อินเดีย และปากีสถาน ล่าสุด คณะกรรมการด้านการปกป้องสายเคเบิลใต้น้ำสากล (International Cable Protection Committee – ICPC) ระบุว่าสาเหตุดังกล่าวคาดว่ามาจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ เช่น การลากสมอ ทั้งนี้ John Wrottesley ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ ICPC ย้ำว่า 70–80% ของความเสียหายสายเคเบิลใต้น้ำทั่วโลกเกิดจากกิจกรรมที่มนุษย์โดยไม่ตั้งใจ
ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายประเทศประสบกับความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ช้าลงผิดปกติ หลายเครือข่ายต้องสลับไปใช้ 5G แทน แต่ก็ก่อให้เกิดปัญหาทราฟฟิกหนาแน่นจนระบบไร้สายช้าลงอีก ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ผู้ใช้บริการของ du และ e& รายงานว่าทั้งอินเทอร์เน็ตบ้านและมือถือได้รับผลกระทบ โดยเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบางส่วนไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่คืนวันเสาร์ แม้สถานการณ์จะดีขึ้นในวันอาทิตย์ แต่ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าอาจต้องใช้เวลาถึง 6 สัปดาห์กว่าการบริการจะกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากการซ่อมสายเคเบิลใต้น้ำมีความซับซ้อนสูง
ด้าน Microsoft เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ออกมาแจ้งเตือนผลกระทบต่อบริการ Azure Cloud ในภูมิภาค พร้อมดำเนินการ reroute ทราฟฟิกผ่านเส้นทางสำรองเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ใช้ พร้อมทั้งอัปเดตสถานะบริการผ่านหน้า Azure Service Status อย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า “การซ่อมแซมสายไฟเบอร์ใต้น้ำต้องใช้เวลา เราจึงต้องปรับเส้นทางและบริหารจัดการทราฟฟิกเพื่อบรรเทาผลกระทบของลูกค้า
